เพื่อนและมิตรสหาย






เพื่อนเป็นมิตรและสหาย
          คำว่า “เพื่อน”  ภาษาบาลีมี ๒ คำ คือ “มิตร” และ “สหาย” ทั้งสองมีความหมายไม่เหมือนกัน บางคนได้เพียงมิตร แต่ไม่ได้เป็นสหาย บางคนเป็นเพียงสหาย ไม่ได้เป็นมิตร ที่มาของคำว่า “เพื่อน” เพราะมาจากคำว่า “พวก”
          พ.  คือ พึ่งพา, อาศัยกันได้
          ว.  คือ ไว้วางใจ, ไว้เนื้อเชื่อใจ
          ก.  คือ เกรงอก, เกรงใจต่อกัน
          คำว่า “มิตร”  หมายถึง คนที่คบกันด้วยความชอบพอรักใคร่ มาจากคำว่า เมตตา  แต่บางคนเป็นได้เพียงเจ้านาย และผู้รับใช้ เพราะไม่มีความเป็นมิตร คือ ขาดน้ำใจที่ดีต่อกัน
          คำว่า “สหาย”  หมายถึง ผู้ทำกิจกรรมร่วมกัน ร่วมโชคชะตาเดียวกัน เรียนด้วยกันมา ถ้ามีน้ำใจต่อกันเป็นพื้นฐาน มิตรก็พัฒนาเป็นสหาย สหายก็กลายเป็นมิตร ดังพุทธศาสนสุภาษิตว่า
                    มิตโต  หะเว  สัตตะปะเทนะ  โหติ
                    เดินทางร่วมกันเจ็ดก้าว  ชื่อว่าเป็นมิตร
                    สะหาโย  ปะนะ  ทะวาทะสะเกนะ  โหติ
                    เดินทางร่วมกันสิบสองก้าว ชื่อว่าเป็นสหาย
                    มาสัฑตะมาเสนะ  จะ  ญาติ  โหติ
                     อยู่ร่วมกันหนึ่งเดือน หรือครึ่งเดือน ชื่อว่าเป็นญาติ
                    ตะตุตตะริง  อัตตะโน  อัตตะสะโมปิ  โหติ
                     อยู่ร่วมกันนานกว่านั้นเป็นเสมือนตนเอง คือตายแทนกันได้
          ความเป็นมิตรเริ่มขึ้นจากการยอมรับคุณค่าของแต่ละฝ่าย การมีน้ำใจผูกพันกัน การยอมรับในกันและกัน มองให้เห็นแก่นแท้ในความเป็นมนุษย์ ตรงนี้เป็นจุดเริ่มของมิตรภาพ
          คำว่า “กัลยาณมิตร”  คือ เพื่อนที่ดี มิตรที่ดีงาม
          คำว่า  “เพื่อนที่ดี”  คือ ผู้ที่สามารถอยู่ร่วมกันได้ด้วยความสุขสวัสดี



ประเภทของเพื่อน
          พระพุทธเจ้าตรัสถึงเหตุที่ทำให้คนคบกันเป็นเพื่อน เพราะเหตุ ๒ ประเภท
          ประเภทที่ ๑  คือ เพื่อนที่คบกันฉาบฉวย ไม่เป็นคุณประโยชน์ เรียกว่า มิตรปฏิรูป หรือ มิตรเทียม
          ประเภทที่ ๒  มิตรที่คบกันยั่งยืนนานและส่งเสริมความดี เรียกว่า มิตรแท้
ลักษณะของมิตรเทียมมี ๔ ประเภท
          มิตรเทียมประเภทที่ ๑  คือ อัญญะทัตถุหระ  หมายถึง  เพื่อนที่เอาแต่ได้ เห็นแก่ได้ มุ่งผลประโยชน์ จะคบใครต้องดีดลูกคิดก่อน คบคนเพื่อใช้เป็นบันไดสร้างความก้าวหน้าให้ตัวเอง และเป็นคนที่ไม่ยอมเสียเปรียบเพื่อนแม้กระทั่งในเรื่องเล็กน้อย เพราะฉะนั้นถ้าวันไหนไม่ได้ผลประโยชน์ก็เลิกคบ
          มิตรเทียมประเภทที่ ๒ คือ วจีบรม หมายถึง  เพื่อนดีแต่พูด ชอบเก็บเอาเรื่องเก่ามาปราศรัยไม่เคยคิดช่วยเพื่อนจริง ๆ รับปากว่าจะช่วยสารพัด แต่เมื่อถึงเวลาต้องช่วยจริงกลับหายหน้าไปเลย สังเกตได้อย่างหนึ่งก็คือตอนที่มีเรื่องจะให้เขาช่วย เขาจะมีข้ออ้างข้อแก้ตัวมากมาย มีข้อขัดข้องเยอะ
          มิตรเทียมประเภทที่ ๓ คือ อนุปิยภาณี คือ เพื่อนที่ชอบประจบเอาแต่ใจ  เวลาที่เพื่อนจะทำอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะดีหรือเลว ชอบส่งเสริมสนับสนุนจนเพื่อนพัง เขาเป็นประเภทที่น่ารักไม่ขัดใจเพื่อนเลย เพื่อนจะทำดีก็คล้อยตาม จะทำชั่วก็คล้อยตาม
          มิตรเทียมประเภทที่ ๔ คือ อปายสหาย คือ เพื่อนที่ชักชวนให้ทำความชั่ว เช่น โดดโรงเรียนเป็นประจำ ชวนไปเที่ยวไปในที่ไม่ดี ไปแหล่งอบายมุขทั้งหลาย หลายคนติดการพนันเพราะเพื่อนและติดคุกก็เพราะเพื่อนประเภทนี้
ลักษณะของมิตรแท้มี ๔ ประเภท
          มิตรแท้ประเภทที่ ๑ คือ อุปการะ หมายถึง เพื่อนที่มีอุปการะเกื้อหนุน ส่งเสริมเพื่อน เช่น เวลาเพื่อนมีปัญหาไม่ทอดทิ้ง ถ้าเพื่อนไม่อยู่บ้านก็ต้องช่วยระวังทรัพย์สินของเพื่อน ถ้าเพื่อนประมาทก็ต้องดูแลประคับประคองเวลา เพื่อนมีปัญหามาออกปากขอก็ให้เพื่อนมากกว่าที่ขอ ดังสุภาษิตฝรั่งว่า A friend in need is a friend indeed  เพื่อนแท้คือเพื่อนที่ช่วยในยามยาก บางคนมีปัญหามายืมเงินเราแต่พอเราไปยืมเงิน เขาเขียนป้ายว่ารักกันอย่ายืมเงิน
          มิตรแท้ประเภทที่ ๒  คือ สมานสุขทุกข์ หมายถึง เพื่อนร่วมสุขร่วมทุกข์ บางทีเขาไม่สามารถช่วยอะไรเราได้ เพราะความสามารถหรือทรัพย์สินมีไม่พอ แต่เขามีความห่วงใย ยินดีเป็นที่ปรึกษาให้กับเรา เรามีอะไรสามารถระบายกับคนคนนี้ได้ ปัญหาอุปสรรคและความตกต่ำก็มีส่วนดีตรงเป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่าใครคือ เพื่อนแท้ที่ไม่ทอดทิ้งเราในยามยาก
          มิตรแท้ประเภทที่ ๓ คือ อัตถักขายี หมายถึง เพื่อนแนะประโยชน์ หลายคนมักจะไม่ชอบเพื่อนแนะประโยชน์ เพราะเขาไม่ตามใจเรา เขาชอบเตือนเราตรงไปตรงมา ดังสุภาษิตเต่าที่ว่า “พูดจริงไม่เพราะ พูดเพราะไม่จริง”   คนเหล่านี้หวังดีจริงใจจึงเตือนเราตรง ๆ กล้าพูดกล้าขัดนับว่าเป็นเพื่อนแท้ คนเหล่านี้จะอยู่กับเราเมื่อมีปัญหา พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ควรมองผู้มีปัญญาที่คอยว่ากล่าวตักเตือนเสมือนผู้บอกขุมทรัพย์ให้”
          มิตรแท้ประเภทที่ ๔ คือ อนุกัมปทะ หมายถึง เพื่อนที่มีน้ำใจดี เขาเป็นผู้หวังดีอย่างแท้จริง เมื่อเห็นเพื่อนมีทุกข์เขาพลอยไม่สบายใจ เมื่อเห็นเพื่อนมีสุข เขาพลอยยินดี ถ้าเห็นเพื่อนถูกใส่ร้ายเขาจะทนไม่ได้ต้องออกมาปกป้อง ถ้าเพื่อนได้รับคำสรรเสริญ เขาจะช่วยพูดสนับสนุน เขาไม่เคยริษยาเพื่อน
หน้าที่ของเพื่อนที่ดี
          ๑.  ข้อปฏิบัติ ๕ ประการ สำหรับประพฤติปฏิบัติต่อเพื่อน คือ
                    ๑.  เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แบ่งปัน
                    ๒.  พูดจามีน้ำใจ ไพเราะอ่อนหวาน
                    ๓.  ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ทำประโยชน์แก่เพื่อน
                    ๔.  มีตนเสมอ ร่วมสุขร่วมทุกข์
                    ๕.  ไม่โกหกมดเท็จ ซื่อสัตย์ จริงใจ
          ๒.  คุณธรรมที่เป็นลิ่มสลักใจหรือเสน่ห์ผูกใจเพื่อน
                    ๑.  โอบอ้อมอารี (ทาน)
                    ๒.  วจีไพเราะ (ปิยะวาจา)
                    ๓.  สงเคราะห์ทุกคน (อัตถจริยา)
                    ๔.  วางตนพอดี (สมานัตตตา)
                               คาถาเมตตามหานิยม

          พุทธังเมตตา  เจรจาไพเราะ  ธัมมังสงเคราะห์  อย่าเห็นแก่ตัว   สังฆังยิ้มหัว  เมื่อเจอหน้าคน  คาถามงคล   พาตนพ้นภัย

ความคิดเห็น